การจิตวิทยาที่แปลกประหลาดของการคอมเมนต์แล้วบล็อก

ในฐานะนักวิเคราะห์ข้อมูลกีฬาที่เชื่อในตรรกะ ผมพบว่าพฤติกรรมบนโซเชียลมีเดียแบบ ‘คอมเมนต์-บล็อก’ นั้นช่างสับสนยิ่งกว่าแผนการย้ายทีมของแมนยูฯ ได้เลย

ปิดฉากด้วยเสียงดัง

พฤติกรรมนี้เหมือนตะโกนด่าผ่านหน้ารถขณะขับหนีไปไกล ๆ มันดูรุนแรงแต่แฝงความกลัว — เหมือนผู้จัดการทีมตำหนิผู้ตัดสินหลังจากออกจากสนามไปแล้วโดยไม่รอฟังคำอธิบาย

จากมุมมองเชิงสถิติ มีสามเหตุผลหลัก:

1. การแสดงอำนาจ: อยากได้บทสรุปสุดท้าย ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
2. ความขัดแย้งทางจิตใจ: อยากแสดงความเห็นแต่ไม่ไหวกับคำโต้แย้งกลับมา
3. ควบคุมอารมณ์ล้มเหลว: การกดบล็อกเกิดขึ้นหลังจากกดส่งคอมเมนต์แล้วเท่านั้น

พฤติกรรมแปลก ๆ ในโลกออนไลน์

ความไม่สม่ำเสมอของพฤติกรรมทำให้นึกถึงการวิเคราะห์ xG (คาดหวังประตู) จากทีมที่เล่นได้ยอดเยี่ยมในบางเกม แต่อ่อนแอในอีกหลายเกม หากจะบล็อกใคร ก็ควรไม่เข้ามาพูดเลย หากจะพูด ก็ควรพร้อมรับผลตอบโต้

พฤตินี้สร้าง ‘รูปแบบที่ไม่ยั่งยืน’ — เช่นเดียวกับผู้เล่นโดนใบแดงแต่มากลายเป็นคนออกนอกสนามอย่างมีศักดิศรีมากกว่าแค่หายไปเฉย ๆ

เสนอแนวทางใหม่เพื่อการสื่อสารออนไลน์อย่างอารยะ

อาจจำลองกฎแฟร์เพลย์ของฟุตบอลมาใช้ในโลกออนไลน์ได้:

• ห้ามบล็อกหลังเวลาเตะครบ90นาที (หลังคอมเมนต์)
• มีระบบตรวจสอบการบล็อกหากสงสัยว่าใช้อำนาจเกินจริง
• ส่งใบเหลืองให้ผู้กระทำซ้ำหลายครั้ง

irony ก็ดูชัด — คนที่ทำงานวิเคราะห์ความขัดแย้ง (เช่น เกมฟุตบอล) มาตลอดกลับมาวิเคราะห์ความขัดแย้งเรื่องการวิเคราะห์ความขัดแย้งเอง แต่อย่างไรก็ดี สไตล์ใด ๆ ก็ดีถ้าเรามาเรื่องอะไร ก็ควรมองหน้ากันให้จบ